สวัสดีทุกคน
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ WEB อาจารย์เปิ้ลนะช่วงนี้ฝนตกแต่ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจเรียนและมาโรงเรียนกันนะ
นานาสาระด้านการตลาด
Viral marketing
คำๆ นี้ เริ่มเป็นที่พูดถึงอย่างมากในสภาพการตลาดปัจจุบันของบ้านเรา หลักๆ ก็เพราะแนวโน้มจากเมืองนอก ด้วยอัตราการเติบโตและการใช้งานของอินเทอร์เน็ต ทำให้นักการตลาดสังเกตและใช้วิธีการแปลกๆ ใหม่ๆ ผ่านทางเน็ตที่มีการส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว
บ้านเราก็มีบริษัทมือถือแห่งหนึ่ง เริ่มทดลองใช้ที่เป็นข่าวอยู่ และก็มี axe สเปรย์ดับกลิ่นของผู้ชายที่เป็นแคมเปญต่อเนื่องทั่วโลก
ล่าสุดที่ผมเห็น คือเบียร์ไทเกอร์ของสิงคโปร์ มีภาพยนตร์โฆษณาที่ลงทุนสูงมากแต่ให้ชมเฉพาะในอินเทอร์เน็ต โดยรวมก็อาจจะเพราะเป็นหนังโฆษณาที่ยาวมากๆ ออนแอร์ไม่ไหวเพราะใช้เงินเยอะ แต่ตลาดไทยหลักๆ ก็เพราะกฎหมายห้ามโฆษณาเหล้าเป็นหลัก
เชื่อได้เลยว่า วงการโฆษณาเหล้า เบียร์ คงหันมาเล่นแนวนี้กันเยอะ เป็นโฆษณาใต้ดิน เพราะบนดินโดนห้ามไม่ให้โฆษณา
Viral marketing น่าจะหมายถึง กลยุทธ์ที่จะทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ชมแต่ละคนส่ง “ข้อความ” ทางการตลาดออกไปหาคนอื่น และลุ้นให้เกิดปรากฏการณ์ส่งต่อแบบเท่าทวีคูณ ทั้งตัวข้อความเองและแคมเปญการตลาดนั้น
โดยหลักการแล้ว viral marketing มีสามแบบ แบบแรกก็คือ "viral" แบบดั้งเดิม คือ นาย ก ส่งต่อให้นาย ข และนาย ข ส่งต่อ นาย ค ถึงสินค้าหรือบริการเจ๋งๆ ที่นาย ก ชอบ
แบบที่สองเรียกว่า "e commerce" คือการใช้วิธีบอกต่อแล้วได้ผลประโยชน์ เช่น UBC มีแคมเปญให้สมาชิกแนะนำสมาชิกใหม่แล้วได้หม้อหุงข้าว เป็นต้น
แบบที่สาม เรียกว่า "แบบมืออาชีพ" โดยที่บริษัทจะทำการจ้างมืออาชีพ สร้างพวกเวบปล่อยข่าว หรือไปปล่อยข่าวตาม chat room หรือเวบบอร์ดอย่างพันธุ์ทิพย์ เป็นต้น
ยังมีผู้รู้ให้ความเห็นอีกว่า การทำตลาดแบบ viral จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา เพราะคนใช้งานจะไม่ส่งต่อข้อความโฆษณาดื้อๆ เพราะเหมือนข้อความขยะ แถมจะอายเพื่อนหรือถูกต่อว่าอีก ถ้าส่งอะไรที่ไม่เข้าท่าไปให้
ดังนั้น ข้อความทางการตลาดจะต้องมีอะไรบางอย่าง และอะไรบางอย่างนั้นก็อย่างเช่น
....ต้องมีอะไรที่เป็นประโยชน์ เช่น แนะนำว่าให้กินอาหารสูตรนี้แล้วลดความอ้วนได้จริงๆ
ต้องมีอะไร “มันส์ๆ” เช่น ไนกี้ ทำวิดีโอคลิปเป็นโรนันดินโญเตะบอลชนคานซ้ำๆ หลายๆ ครั้งในช่วงฟุตบอลโลก ซึ่งพวกขาบอลดูแล้วสะใจ ก็เลยบอกต่อๆ กัน
ต้องมีผลตอบแทนอะไรบางอย่าง หรือคนได้รับได้ประโยชน์ เช่น บอกวิธีส่ง sms ราคาถูก หรือสมัครเคเบิลทีวีวันนี้ได้หม้อหุงข้าวทั้งคนให้คนรับ
ต้องมีอะไรตลกๆ ที่คนได้รับหัวเราะชอบใจได้ อาจจะเป็นคลิปหลุด หรือเป็นเรื่องโจ๊กๆ บางอย่าง
หรืออาจจะเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์มากๆ ที่ดูแล้วเพลิน
Viral marketing ดูเหมือนทำไม่ยาก แต่จะให้เกิดผลในวงกว้างค่อนข้างยาก
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการตลาดแบบนี้มีต้นทุนต่ำ และเหมาะกับการทำตลาดในสภาวะเศรษฐกิจยอบแยบของประเทศในตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็ต้องระวังอย่าให้ยัดเยียดจนเกินเหตุนะครับ เพราะจะทำให้คนรับรำคาญ และอาจจะมีผลลบต่อแบรนด์ได้
คำๆ นี้ เริ่มเป็นที่พูดถึงอย่างมากในสภาพการตลาดปัจจุบันของบ้านเรา หลักๆ ก็เพราะแนวโน้มจากเมืองนอก ด้วยอัตราการเติบโตและการใช้งานของอินเทอร์เน็ต ทำให้นักการตลาดสังเกตและใช้วิธีการแปลกๆ ใหม่ๆ ผ่านทางเน็ตที่มีการส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว
บ้านเราก็มีบริษัทมือถือแห่งหนึ่ง เริ่มทดลองใช้ที่เป็นข่าวอยู่ และก็มี axe สเปรย์ดับกลิ่นของผู้ชายที่เป็นแคมเปญต่อเนื่องทั่วโลก
ล่าสุดที่ผมเห็น คือเบียร์ไทเกอร์ของสิงคโปร์ มีภาพยนตร์โฆษณาที่ลงทุนสูงมากแต่ให้ชมเฉพาะในอินเทอร์เน็ต โดยรวมก็อาจจะเพราะเป็นหนังโฆษณาที่ยาวมากๆ ออนแอร์ไม่ไหวเพราะใช้เงินเยอะ แต่ตลาดไทยหลักๆ ก็เพราะกฎหมายห้ามโฆษณาเหล้าเป็นหลัก
เชื่อได้เลยว่า วงการโฆษณาเหล้า เบียร์ คงหันมาเล่นแนวนี้กันเยอะ เป็นโฆษณาใต้ดิน เพราะบนดินโดนห้ามไม่ให้โฆษณา
Viral marketing น่าจะหมายถึง กลยุทธ์ที่จะทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ชมแต่ละคนส่ง “ข้อความ” ทางการตลาดออกไปหาคนอื่น และลุ้นให้เกิดปรากฏการณ์ส่งต่อแบบเท่าทวีคูณ ทั้งตัวข้อความเองและแคมเปญการตลาดนั้น
โดยหลักการแล้ว viral marketing มีสามแบบ แบบแรกก็คือ "viral" แบบดั้งเดิม คือ นาย ก ส่งต่อให้นาย ข และนาย ข ส่งต่อ นาย ค ถึงสินค้าหรือบริการเจ๋งๆ ที่นาย ก ชอบ
แบบที่สองเรียกว่า "e commerce" คือการใช้วิธีบอกต่อแล้วได้ผลประโยชน์ เช่น UBC มีแคมเปญให้สมาชิกแนะนำสมาชิกใหม่แล้วได้หม้อหุงข้าว เป็นต้น
แบบที่สาม เรียกว่า "แบบมืออาชีพ" โดยที่บริษัทจะทำการจ้างมืออาชีพ สร้างพวกเวบปล่อยข่าว หรือไปปล่อยข่าวตาม chat room หรือเวบบอร์ดอย่างพันธุ์ทิพย์ เป็นต้น
ยังมีผู้รู้ให้ความเห็นอีกว่า การทำตลาดแบบ viral จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา เพราะคนใช้งานจะไม่ส่งต่อข้อความโฆษณาดื้อๆ เพราะเหมือนข้อความขยะ แถมจะอายเพื่อนหรือถูกต่อว่าอีก ถ้าส่งอะไรที่ไม่เข้าท่าไปให้
ดังนั้น ข้อความทางการตลาดจะต้องมีอะไรบางอย่าง และอะไรบางอย่างนั้นก็อย่างเช่น
....ต้องมีอะไรที่เป็นประโยชน์ เช่น แนะนำว่าให้กินอาหารสูตรนี้แล้วลดความอ้วนได้จริงๆ
ต้องมีอะไร “มันส์ๆ” เช่น ไนกี้ ทำวิดีโอคลิปเป็นโรนันดินโญเตะบอลชนคานซ้ำๆ หลายๆ ครั้งในช่วงฟุตบอลโลก ซึ่งพวกขาบอลดูแล้วสะใจ ก็เลยบอกต่อๆ กัน
ต้องมีผลตอบแทนอะไรบางอย่าง หรือคนได้รับได้ประโยชน์ เช่น บอกวิธีส่ง sms ราคาถูก หรือสมัครเคเบิลทีวีวันนี้ได้หม้อหุงข้าวทั้งคนให้คนรับ
ต้องมีอะไรตลกๆ ที่คนได้รับหัวเราะชอบใจได้ อาจจะเป็นคลิปหลุด หรือเป็นเรื่องโจ๊กๆ บางอย่าง
หรืออาจจะเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์มากๆ ที่ดูแล้วเพลิน
Viral marketing ดูเหมือนทำไม่ยาก แต่จะให้เกิดผลในวงกว้างค่อนข้างยาก
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการตลาดแบบนี้มีต้นทุนต่ำ และเหมาะกับการทำตลาดในสภาวะเศรษฐกิจยอบแยบของประเทศในตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็ต้องระวังอย่าให้ยัดเยียดจนเกินเหตุนะครับ เพราะจะทำให้คนรับรำคาญ และอาจจะมีผลลบต่อแบรนด์ได้






